4 แนวทางในการทำบริษัทของคุณให้ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่

ผู้คนแต่ละรุ่นมีลำดับความสำคัญต่างกันเมื่อมองหาผู้ว่าจ้าง

Jose Alba
A group of young people are working together. They are smiling and looking at the MacBook screen together.
unsplash/Mimi Thian
22 พฤศจิกายน 2019

ไม่น่าแปลกใจเลยว่า กำลังแรงงานในอนาคตอันใกล้เข้ามานี้จะถูกยึดครองโดยกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล ในประเทศไทย แรงงานอายุ 17-35 ปีจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 50% ของกำลังแรงงานทั้งหมดในปี 2025 เมื่อเปรียบเทียบกับ 40% ของแรงงานในปัจจุบัน เพื่อคงความสามารถในการแข่งขัน ผู้ว่าจ้างในประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านกำลังแรงงาน (Tsi, 2018) ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ยืนยันแนวโน้มเหล่านี้ไว้ในการประเมินล่าสุด ดังนี้:

กราฟแสดงประมาณการโครงสร้างประชากรในประเทศไทยจำแนกตามอายุ ปี 2553 - 2583
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า คุณจะต้องใช้มาตรการเพื่อดึงดูดและสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะของคนทำงานรุ่นมิลเลนเนียล ขณะที่คนรุ่นนี้กลายเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของผู้สมัครงานที่มีอยู่

แน่นอนว่า ผู้คนแต่ละรุ่นมีลำดับความสำคัญต่างกันเมื่อมองหาผู้ว่าจ้าง ตัวอย่างเช่น อัตราค่าตอบแทนไม่ได้เป็นสาเหตุหลักของการตัดสินใจทำงานของคนรุ่นมิลเลนเนียลอีกต่อไป ในทางกลับกัน พวกเขามีแนวโน้มที่จะให้คุณค่ากับวัฒนธรรมที่ดีขององค์กรและสวัสดิการพิเศษเช่นเดียวกับค่าตอบแทนที่สูง ซึ่งคุณค่าต่างๆ ขององค์กรมีความหมายสำหรับพวกเขา และพวกเขาสามารถค้นคว้าออนไลน์เพื่อวิเคราะห์ วิพากษ์หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับองค์กรของคุณได้ ซึ่งไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นเว็บไซต์ เช่น www.glassdoor.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ลูกจ้างคนปัจจุบันหรือที่ออกไปแล้วให้ความเห็นเกี่ยวกับองค์กรโดยไม่เปิดเผยตัวเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น  ผู้ใช้งานยังสามารถแจ้งและดูเงินเดือนผ่านเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน รวมทั้งสามารถค้นหาหรือสมัครงานผ่านทางเว็บไซต์ได้

ภาพของออฟฟิศจากมุมสูง เห็นสี่คนภายในรูปภาพ กำลังทำงานอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของพวกเขา
Pexels/CoWomen

ในการแก้ปัญหาการเข้าออกงาน องค์กรจัดหางานต่างๆ รายงานว่า แรงงานไทยช่วงอายุ 17-35 ปีกำลังมองหาความยืดหยุ่นในที่ทำงานเพื่อจัดการความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว โดยพวกเขาเรียกร้องจากนายจ้างมากกว่าแรงงานที่มีประสบการณ์แล้ว ซึ่งคนรุ่นมิลเลนเนียลในประเทศไทยคุ้นเคยกับการถูกเชื่อมต่อตลอดเวลาเพื่อมองหาทางเลือกและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ขณะทำงาน ซึ่งการเข้าออกงานที่มีความยืดหยุ่นสูง เช่น การทำงานอิสระ งานพิเศษรวมทั้งการทำงานได้จากทุกที่นั้นสามารถเห็นได้จากการความต้องการพื้นที่ทำงานร่วม สำนักงานชั่วคราวและศูนย์บริการที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้

ด้วยความคาดหวังที่แตกต่างไปจากคนรุ่นก่อน สิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้ธุรกิจของคุณปรากฏชัดและโดดเด่นเมื่อรับสมัครแรงงานรุ่นมิลเลนเนียล ได้แก่:

1 - พิจารณารูปแบบการรับสมัครงานใหม่อีกครั้ง

เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการหางานของผู้คน อินเตอร์เน็ตช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสงานและบริษัทที่ปรากฏบนหน้าจอ ซึ่งหมายความว่า สิ่งที่ผู้สมัครจะเห็นจากการสืบค้นออนไลน์เกี่ยวกับองค์กรของคุณสามารถสร้างความประทับใจแรกเกี่ยวกับองค์กรได้

นับเป็นความโชคดีที่ว่า คุณสามารถควบคุมตัวตนออนไลน์ (online presence) ได้ คุณสามารถใช้พื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ในการนำเสนอถึงองค์กรของคุณทั้งหมด รวมทั้งคุณค่าและวัฒนธรรมองค์กร คุณสามารถสืบค้นเกี่ยวกับองค์กรของคุณผ่านทางเว็บไซต์ Glassdoor และดูว่าลูกจ้างคนก่อนพูดถึงประสบการณ์การทำงานกับองค์กรของคุณอย่างไรบ้าง

ผู้ชายในชุดสูทสีดำ กำลังถือป้ายสีขาวที่เขียนว่า Join us อยู่
Pexels/Pixabay

เว็บไซต์ที่สามารถใช้งานได้สะดวกผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นวิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการนำเสนอเกี่ยวกับองค์กรให้น่าสนใจและดูดี ซึ่งการค้นหางานผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นที่นิยมทั่วผู้คนทุกรุ่น ไม่ใช่เฉพาะคนรุ่นมิลเลนเนียลเท่านั้น  

แน่นอนว่า วิธีการสื่อสารกับชาวมิลเลนเนียลคือหัวใจหลักในการสร้างแรงจูงใจและการสมัครงานของพวกเขา ซึ่งสำหรับคนรุ่นมิลเลนเนียลส่วนใหญ่แล้วนั้น ความน่าเชื่อถือและการทำให้พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาจะทำงานกับคุณไม่ใช่ทำงานเพื่อคุณนั้นสำคัญมาก ซึ่งจะต้องทำให้องค์กรของคุณเป็นสถานที่ที่พวกเขาต้องการทำงานด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องอำพรางหรือซ่อนองค์ประกอบบางอย่างของธุรกิจของคุณ คนบางคนเพียงแค่ไม่เหมาะกับธุรกิจหรือวัฒนธรรมองค์กรไม่เกี่ยวว่าเป็นคนรุ่นไหน ดังนั้น ควรมีความตรงไปตรงมาในการสื่อสารเกี่ยวกับองค์กรรวมทั้งการบอกถึงความคาดหวังและบทบาทของผู้สมัครงาน ซึ่งคุณและผู้สมัครงานควรพร้อมที่จะสื่อสารหากว่าการจับคู่งานหรือองค์กรไม่เป็นไปด้วยดี

 

2 – สร้างเส้นทางอาชีพ

ผลการศึกษาพบว่า ชาวมิลเลนเนียลส่วนใหญ่ให้คุณค่ากับสถานประกอบการที่มอบโอกาสการเติบโตและอนาคตที่สดใสให้พวกเขา ซึ่งตรงกันข้ามกับความคิดส่วนใหญ่ที่ว่า ชาวมิลเลนเนียลมักเปลี่ยนงานบ่อย Gallup poll ในสหรัฐอเมริกาพบว่า “93 เปอร์เซ็นต์ของชาวมิลเลนเนียลออกจากองค์กรครั้งสุดท้ายเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบทบาท” แต่ควรต้องพิจารณาข้อจำกัดของโอกาสการเติบโตในองค์กรมากกว่าการย้ายงานธรรมดาๆ ด้วย

ชายหนุ่มใส่เสื้อยืนสีขาว มีสกรีนเขียนว่า "I support UNICEF Thailand" กำลังยืนอยู่หน้าแบ็กดรอปสีฟ้าของยูนิเซฟ
UNICEF Thailand/2019/Preechapanich

ผมตื่นเต้นมากกับโอกาสในการพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพวัยรุ่นและการมีส่วนร่วมกับยูนิเซฟ–นี่เป็นหนึ่งในความสำคัญอันดับต้นๆ ขององค์กรและเป้าหมายของผมคือโอกาสที่จะมีบทบาทในระดับนานาชาติ

มาร์ก, ยูนิเซฟ ประเทศไทย

เช่นเดียวกันกับข้อค้นพบของ Gallup poll  ชาวมิลเลนเนียล 87 เปอร์เซ็นต์มอง “การเติบโตทางวิชาชีพหรืออาชีพและโอกาสในการพัฒนา” ในฐานะคุณค่าหลักของงาน ขณะที่มีเพียง 69 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่นอื่นๆ ที่เห็นพ้องเหมือนกัน หากชาวมิลเลนเนียลพบว่า ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีโอกาสเติบโตหรือเลื่อนตำแหน่ง พวกเขามีแนวโน้มหาโอกาสจากที่อื่น ซึ่งการลงทุนในแผนการอบรมพนักงาน แผนงานพี่เลี้ยงและเครื่องมือการพัฒนาอื่นๆ จะช่วยให้คุณสามารถนำเสนอกับผู้สมัครงานได้ว่า คุณให้ความสำคัญกับการเติบโตของพวกเขา นอกจากนั้น การเลื่อนตำแหน่งพนักงานที่มีคุณสมบัติและความกระตือรือร้นยังทำให้ต้นทุนการจ้างงานต่ำลง ซึ่งทั้งงนายจ้างและพนักงานต่างได้ประโยชน์

Two young man are sitting and talking to each other happily in a cafe-like room.
unsplash/Helena Poles

3 – ความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวรวมทั้งสวัสดิการต่างๆ

ความเป็นไปได้ในการทำงานจากทางไกลหรือมีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นเป็นหนึ่งในประเด็นหลักๆ ที่ชาวมิลเลนเนียลพิจารณา ซึ่งในจุดนี้ จำนวนชาวมิลเลนเนียลที่แต่งงาน มีลูกและเลือกการใช้ชีวิตนั้นส่งผลกระทบต่ออนาคตของพวกเขา ซึ่งคนรุ่นอื่นๆ ต่างก็ผ่านพ้นกระบวนการเหล่านี้เช่นกัน แต่ไม่ได้มีสัดส่วนเหมือนกัน ข้อมูลจาก  “The State of Thailand’s Population” บทความซึ่งตีพิมพ์โดยกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ ประเทศไทยระบุว่า ประมาณ 53.5% ของประชากรหญิงมีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีซึ่ง 60% ของประชากรกลุ่มนี้อยู่ในกำลังแรงงาน (Caspar Peek, 2015)  ซึ่งหมายความว่า ด้วยสัดส่วนการทำงานทั้งคู่ของคู่สมรส คนรุ่นใหม่จะได้รับผลกระทบจากความสมดุลระหว่างชีวิตและงานมากกว่า ซึ่งแผนงานหรือนโยบายของสถานประกอบการที่เอื้อให้มีความยืดหยุ่นหรือการทำงานทางไกลได้จะเป็นจุดขายสำคัญสำหรับธุรกิจของคุณ

ซึ่งหมายความว่า ด้วยสัดส่วนการทำงานทั้งคู่ของคู่สมรส คนรุ่นใหม่จะได้รับผลกระทบจากความสมดุลระหว่างชีวิตและงานมากกว่า

ในประเทศไทย สวัสดิการของพนักงานเป็นเหตุผลหลักข้อหนึ่งในการจูงใจให้ลูกจ้างทำงานกับกับองค์กรระยะยาว ตามที่ Aon Hewitt’s Total Compensation Measurement Study and Benefits Survey 2016 รายงาน ซึ่งยืนยันว่า นโยบายเงินทดแทนหรือการชดเชยซึ่งใช้ประโยชน์จากสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพและผลตอบแทนเพิ่มเติมนั้นช่วยกำหนดให้ธุรกิจของคุณอยู่นอกเหนือจากการแข่งขัน การประกันสุขภาพ ช่วงเวลาวันหยุดและแผนเกษียณอายุเป็นองค์ประกอบสำคัญสามประการของนโยบายเงินทดแทนที่ให้ความสำคัญกับคนทุกรุ่น

ตัวต่อเลโก้ จำลองภาพของภายในออฟฟิศ
Pixabay/www_slon_pics

4 – ลงทุนในการสรรหาบุคลากร

การหาพนักงานถูกคนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตทางธุรกิจ แต่การสรรหาบุคลากรไม่ง่ายเสมอไป

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดอันดับต้นๆ ของเอเชียที่ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ขณะที่การลงทุนจำนวนมหาศาลยังคงดำเนินต่อไปทั่วประเทศ การเติบโตและขยายงานขององค์กรจำนวนมากนำไปสู่การแข่งขันที่มีความแหลมคมมากขึ้น ซึ่งทำให้ความต้องการผู้สมัครที่มีคุณสมบัติในตำแหน่งหลักๆ เพิ่มสูงขึ้นทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วนั้น อุปสงค์มีมากกว่าอุปทาน

ซึ่งองค์กรอาจพิจารณาที่จะทำงานร่วมกับองค์กรรับสมัครงานที่มีความน่าเชื่อถือ

รายละเอียดเกี่ยวกับบทความชุดนี้

บทความชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์ “Dare to Dream: ปลุกพลังฝัน เปลี่ยนอนาคต” ของยูนิเซฟซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรับฟัง รวบรวมความเห็นและความเข้าใจเชิงลึกของคนรุ่นใหม่เพื่อทำความเข้าใจว่า ทักษะใดบ้างที่สำคัญกับชีวิตประจำวันของพวกเขา และแนวทางหรือกระบวนการสอนแบบไหนที่สามารถสร้างแรงจูงใจหรือส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการพัฒนาทักษะเหล่านี้เพื่อหนทางสู่โอกาสการจ้างงาน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูได้จาก www.unicef.or.th/daretodream