เปิดกล่องแห่งความมหัศจรรย์ของการเล่นและเรียนรู้
โครงการใหม่ของยูนิเซฟจะช่วยเหลือกลุ่มเด็กเปราะบางและผู้ดูแลพวกเขาอย่างเท่าทันต่อพัฒนาการวัยเด็กแรกเริ่ม

- พร้อมใช้งานใน:
- English
- ไทย
หนูน้อยวัยสี่ขวบตื่นเต้นจนพูดไม่ออก เธอได้แต่ดึงแขนแม่ส่งสัญญาณให้รู้ว่าเธออยากจะกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเพื่อจะได้เปิดกล่องของเล่นเสียที กมลวรรณ ทองสวัสดิ์ หรือ น้องข้าวหอม ไม่ต่างจากเด็ก ๆ ตำบลหลักห้าในเช้าวันนั้นที่แววตาเปล่งประกายไปด้วยความสุขและเฝ้ารอการเปิดกล่องพลาสติกใสที่อัดแน่นไปด้วยของเล่นหลากสีและหนังสือ
“น้องมีแค่ตุ๊กตาเอาไว้กอดนอน” วีรวรรณ ทองสวัสดิ์บอก คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนี้มีรายได้วันละสองสามร้อยบาทจากการขายนมเปรี้ยวตามหมู่บ้านและตลาดนัดในจังหวัดสมุทรสาคร
น้องข้าวหอมและคุณแม่เป็นหนึ่งใน 29 ครอบครัวที่ได้รับ “กล่องมหัศจรรย์” จากยูนิเซฟ ณ ที่ทำการเทศบาลตำบลหลักห้า อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาครในเช้าวันนั้น
ข้าวหอมก็ไม่ต่างจากเด็กเล็กในตำบลแถบนั้นที่จะมีโอกาสได้เล่นของเล่น หรือใช้อุปกรณ์ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ก็ต่อเมื่อเวลาได้ไปเล่นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กยกกระบัตรใกล้บ้าน ทว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสองทำให้ศูนย์เด็กเล็กปิดระลอกสอง ข้าวหอมจึงต้องอยู่กับปู่เพียงลำพังเวลากลางวันขณะที่พี่ชายอายุเจ็ดขวบยังคงได้ไปโรงเรียน บางครั้งปู่ก็อยู่บ้าน แต่บางครั้งก็ต้องกระเตงเธอไปที่วินเพราะปู่เองก็ยังต้องขับมอเตอร์ไซค์เลี้ยงชีพ

โชคยังดีที่ข้าวหอมได้รับกล่องมหัศจรรย์ที่มีอุปกรณ์ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของเธอ เด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบในครอบครัวคนไทยและแรงงานต่างด้าวในหลายชุมชนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดระลอกสองของโรคโควิด-19 ในสมุทรสาคร ยูนิเซฟจึงได้จัดกล่องมหัศจรรย์ 1,000 ชุดให้กับเด็กจากครอบครัวเปราะบาง แต่ละกล่องจะบรรจุหนังสือ ของเล่น อุปกรณ์ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ และคู่มือแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ได้เรียนรู้แนวทางปฏิบัติสำหรับทำกิจกรรมร่วมกับลูกเมื่ออยู่บ้าน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาวัยเด็ก
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เมื่อต้นปีกลายส่งผลให้ประเทศไทยต้องล็อกดาวน์ทั้งประเทศในเดือนมีนาคม หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายอย่างช้า ๆ ทว่ายังไม่ทันที่สถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติการระบาดระลอกสองก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงก่อนวันหยุดเทศการปีใหม่เพียงไม่กี่วัน ซึ่งต้นตอของการระบาดมาจากตลาดปลาในจังหวัดสมุทรสาคร ส่งผลให้แรงงานจำนวนมากต้องตกงานและเด็กจำนวนไม่น้อยถูกตัดโอกาสเข้าถึงบริการพัฒนาการวัยเด็กไปโดยปริยาย
นางคิม คยองซัน ผู้แทนยูนิเซฟประจำประเทศไทยกล่าวว่า ช่วง 6 ขวบปีแรก คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของวัยเยาว์ เป็นช่วงเวลาที่สมองพัฒนาอย่างรวดเร็ว และเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต การสะดุดหรือหยุดชะงักในการส่งเสริมการเล่น การกระตุ้น และการเรียนรู้ในช่วงเวลานี้จะส่งผลเสียต่อพัฒนาของเด็ก
การแพร่ระบาดส่งผลให้บริการที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการในวัยเด็กต้องปิดลงชั่วคราว ซึ่งหมายความว่าพัฒนาการวัยเด็ก ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมของเด็ก ๆ จะต้องขึ้นอยู่กับคนดูแลในครอบครัวเพียงอย่างเดียว

การปิดโรงเรียนที่ยาวนานขึ้นส่งผลกระทบกับความสามารถในการเรียนรู้และความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก ๆ โดยเฉพาะครอบครัวในกลุ่มเปราะบางที่จะถูกกีดกันห่างออกไปกว่าเดิม
“เราจึงมีความคิดที่จะแจกกล่องมหัศจรรย์ เพื่อช่วยพ่อแม่ที่ขาดสื่อเสริมพัฒนาการ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้พ่อแม่เล่นและอ่านนิทานให้เด็ก ๆ ฟังที่บ้าน ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และพัฒนาการเด็กได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขา” นางคิม กล่าว
นางสาวสิริกร ไกรลาศ ผู้อำนวยการกองการศึกษา เทศบาลตำบลหลักห้า อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เล่าว่า เด็กจำนวน 274 คนอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 11 แห่งในเขตการดูแลของเธอ ศูนย์แต่ละแห่งจะรับเด็กได้ประมาณ 20-60 คน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งโดยมีครูและผู้ช่วยครูคอยดูแลตามสัดส่วนของเด็กในแต่ละศูนย์
หลายครอบครัวมีรายได้ประมาณ 300-400 บาทต่อวันจากคนหาเลี้ยงในครอบครัวเพียงคนเดียว หรือหากครอบครัวไหนโชคดีที่พ่อและแม่ทำงานทั้งคู่ก็จะมีรายได้ประมาณ 600-700 บาทต่อวัน ครอบครัวส่วนใหญ่จึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มเปราะบาง และมีพ่อแม่เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ที่พอจะซื้อหาของเล่นหรือสื่อส่งเสริมการเรียนรู้จากตลาดนัดให้กับลูกได้
วิไลพร เปรมเล็กเป็นคุณแม่อีกคนที่ลูกสาว พรอุมา จิวบางป่า หรือน้องวาวา วัยสี่ขวบได้รับกล่องมหัศจรรย์จากยูนิเซฟ ทันทีที่น้องวาวาได้กล่อง เด็กน้อยจะกระวีกระวาดเปิดออกดูเพื่อแกะของเล่นแต่ละชิ้นออกมาทดลองเล่นในทันที แม้ว่าพื้นที่หน้าบันไดบ้านไม้จะกว้างแค่พอให้กล่องของเล่นกับตัวเล็ก ๆ เบียดกันอยู่ เธอก็ไม่ได้ใส่ใจกับความจำกัดของพื้นที่ เพราะสนุกกับการหยิบจับของเล่นมาทดลองอย่างไม่รู้เบื่อนานนับครึ่งชั่วโมง
วิไลพรเล่าว่านี่เป็นครั้งแรกที่ลูกสาวมีของเล่นและสื่อการเรียนรู้กล่องใหญ่เป็นของตัวเอง ลำพังรายได้หลักในครอบครัวจากสามีที่ทำงานเป็นช่างติดตั้งแอร์บวกกับรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากแผงลูกชิ้นทอดของเธอที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน เพียงพอสำหรับการซื้อลูกบอลหลากสีห่อละไม่กี่บาทจากตลาดนัดเท่านั้น ยิ่งในยามไวรัสแพร่ระบาดจนศูนย์เด็กเล็กปิดชั่วคราวเป็นระยะเวลานานเช่นนี้ การมีสื่อการเรียนรู้แบบนี้ก็จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการวัยเด็กบ้าง
“กล่องนี้จะช่วยให้ลูกได้มีพัฒนาการบ้าง เช่น การจดจำสี ก่อนหน้านี้เราแทบไม่เคยมีของเล่นหรือสื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่จะใช้สอนลูกมาก่อน” คุณแม่ลูกสามเล่า ในระหว่างที่ลูกสองคนโตยังไม่กลับจากโรงเรียนประถมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน

ทวีศักดิ์ มาลี หรือ น้องนิว ที่อาศัยอยู่อีกฝั่งหนึ่งของหมู่บ้านกำลังง่วนอยู่กับของเล่นกล่องใหม่ที่เพิ่งแกะกับแม่ประนอม จุมพลไกรษร
รอบ ๆ บริเวณบ้านยังพอเห็นของเล่นเก่าแตกหักกระจายอยู่รอบ ๆ บ้านชั้นเดียวที่เด็กชายอายุห้าขวบอาศัยอยู่กับพ่อแม่และพี่ชายอีกสามคน
แม่ทำงานเป็นคนงานในไร่ และพ่อเป็นคนงานก่อสร้างหาเงินได้ประมาณวันละ 600 บาท จึงทำให้พวกเขาซื้อของเล่นหรือหนังสือให้ลูก ๆ ได้บ้างในบางโอกาส
การล็อกดาวน์ครั้งก่อนทำให้ประนอมตกงาน แต่ก็ทำให้เธอได้มีเวลาอยู่กับลูก ๆ มากขึ้นที่บ้าน ถึงแม้ว่าจะไม่มีของเล่นหรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ที่บ้าน
ยุวดี แซ่เล้า หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนบ้านดอนไผ่ กล่าวว่ากล่องมหัศจรรย์ช่วยเด็กเล็กในเรื่องพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจช่วงล็อกดาวน์ได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาอาจะจะพลาดโอกาสได้เรียนรู้พัฒนาการในวัยเด็กที่สำคัญเนื่องจากครอบครัวไม่สามารถซื้อหาให้ได้
การเล่นบล็อกไม้จะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กของนิ้วมือและความคล่องแคล่ว สร้างสมาธิ และกระตุ้นให้เด็กได้ทดลองและใช้ความคิดสร้างสรรค์
แม้จะเป็นช่วงเวลาเคร่งเครียดของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ความมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นจากกล่องใบนี้ที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้และพ่อแม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาของลูกหลานตน