เบื้องหลังพลังยูนิเซฟ
เนื่องในวาระครบรอบ 75 ปีองค์การยูนิเซฟ เจ้าหน้าที่ของเราร่วมสะท้อนประสบการณ์แห่งความหวังท่ามกลางวิกฤติ

- พร้อมใช้งานใน:
- English
- ไทย
นับตั้งแต่โครงการระยะสั้นในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการมีชีวิตรอดของเด็ก ไปจนถึงโครงการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะระยะยาว องค์การยูนิเซฟร่วมกับภาคีพันธมิตรและผู้สนับสนุนในการเอาชนะโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ให้บริการสาธารณะจำเป็น การศึกษา และทักษะ รวมทั้งพัฒนาสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเพื่อสุขภาวะที่ดีขึ้นเพื่อเด็ก ๆ และครอบครัวทั่วทุกมุมโลก และในประเทศไทยด้วย
เวลานี้โลกต้องประสบวิกฤตการณ์ใหญ่ แต่ในการหยุดชะงักก็มีโอกาสเกิดขึ้น ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ต่างมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้เด็กและครอบครัวฟื้นตัวได้จากโรคโควิด-19 และเนื่องในโอกาส 75 ปีของการทำงานของยูนิเซฟเพื่อเด็ก ๆ เราจึงชวนพวกเขามาพูดคุยถึงช่วงเวลาแห่งความหวังในเวลาที่ยากลำบาก
คยองซัน คิม ผู้อำนวยการ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย

ในฐานะที่เป็นแม่ที่สามารถจัดหาอาหารและการดูแลสุขภาพที่ดี การศึกษาที่มีคุณภาพ และสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยให้ลูกๆ ทั้งสามคนของดิฉันได้นั้น คำถามที่เป็นพลังให้ดิฉันทำงานให้ยูนิเซฟในทุกๆ วันได้ก็คือว่า – เราจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ให้สิ่งที่ดิฉันให้ลูก ๆ เป็นบรรทัดฐานของเด็กทุกคน ไม่ใช่แค่เพียงเด็กที่มีอภิสิทธิ์เท่านั้น?
ดิฉันเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน และดิฉันก็มีหน้าที่ในการช่วยเหลือครอบครัวที่ติดอยู่ในวงจรแห่งความยากจน หรือการเลือกปฏิบัติ และต้องพยายามดิ้นรนให้มีรายได้พอประทังชีวิตไปได้ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ประกอบอาชีพที่ช่วยให้บรรลุหน้าที่เพื่อผู้คนที่เพียงแค่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก ๆ ของตนเอง
ในการทำงานกับยูนิเซฟ ดิฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ทลายอุปสรรคต่างๆ และสร้างสะพานเชื่อมโยง โดยดิฉันจะทำให้ความปรารถนาดีของผู้คนและสถาบันต่าง ๆ ซึ่งมีทรัพยากรที่จะช่วยเหลือเด็ก ๆ ได้ให้เป็นความจริงและเกิดทางออกที่จะคงอยู่ไปตลอด
มีป่าชื่อ ดาริเอน (Darien Gap) ซึ่งเป็นพรมแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างประเทศโคลอมเบียและปานามา หลายๆ ครอบครัวพากันเสี่ยงชีวิตเพื่อข้ามดินแดนนี้ต่อไปยังเม็กซิโก และสู่สหรัฐฯ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น สิ่งที่พวกเขาจะต้องไปเจอที่ปานามาหลังการเดินทางที่เต็มไปด้วยภยันตรายและอุปสรรคที่ดาริเอนไม่ใช่แม้กระทั่งสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน ในระหว่างที่รอรับอนุญาตให้เดินทางต่อได้
ตอนที่ดิฉันอยู่ที่ปานามา ยูนิเซฟก็ได้เริ่มจัดการตรวจสุขภาพเบื้องต้น จัดหาวัคซีน อาหารที่มีประโยชน์ และน้ำดื่มที่ปลอดภัยให้แก่ครอบครัวที่เดินทางมาที่นั่น เรายังได้ตั้งเต็นท์สำหรับเด็กด้วย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้กินนมแม่ และได้รู้สึกถึงภาวะที่เป็นปกติ เพราะว่าหลาย ๆ คนต้องอยู่ที่ที่พักพิงชั่วคราวเป็นระยะเวลานานหลายเดือนเพื่อรอคอย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่มีความหมายมากที่สุดในการทำงานของดิฉัน
เตมิกา สัตยวิบูลย์ เจ้าหน้าที่แผนกนโยบายสังคม องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย

ในการทำงานเพื่อเด็ก ๆ นั้น พี่ดำเนินรอยตามคุณพ่อค่ะ ท่านทำงานอาสาสมัครเพื่อเด็ก ๆ มาต่อเนื่องอย่างยาวนานหลังเกษียณอายุ
พี่จำได้ว่าตอนที่ไปลงพื้นที่จังหวัดกระบี่เพื่อช่วยเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิเมื่อปี 2547 แล้วก็ต้องตกใจมาก เพราะพี่อยู่ตรงที่จุดเกิดเหตุเลยค่ะ และภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้พี่สลดใจเหลือเกิน
เราร่วมทีมกับทางภาครัฐ ภาคเอกชน ยูเอ็นดีพี (UNDP) และภาคีอื่น ๆ เพื่อสร้างที่พักพิงชั่วคราวบนเกาะพีพี และระดมทุนเพื่อจัดอบรมวิชาชีพให้พวกผู้หญิง และจัดการช่วยเหลือดูแลทางสังคมจิตใจแก่พวกเด็ก ๆ นอกจากนี้ เรายังทำงานเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงอาหาร สุขาภิบาล น้ำดื่มที่ปลอดภัย และทุนการศึกษาให้ดีขึ้นด้วยค่ะ
สิบปีให้หลัง พี่ได้มีโอกาสพบกับคนที่เราได้ให้ความช่วยเหลืออีกครั้ง พี่ดีใจมากที่ได้เห็นผู้คนที่ครั้งหนึ่งถูกพรากเอาทุกอย่างไปกลับมาสร้างชีวิตใหม่ได้อีกครั้งในที่สุด ซึ่งเป็นเพียงอย่างเดียวเลยที่พี่ขอให้เกิดขึ้น
สันติ ศิริธีราเจษฎ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองเด็ก องค์การยูนิเซฟ

ผมเริ่มทำงานในภาคธุรกิจมาก่อน และเบนเส้นทางสู่สายสิทธิมนุษยชนและการทำงานเพื่อมนุษยธรรมครับ ซึ่งก็เป็นเวลา 3 ใน 4 ของชีวิตการทำงานของผมแล้วตอนนี้ ตั้งแต่การทำงานกับผู้ลี้ภัยไปจนถึงการทำงานกับเด็ก ๆ ผมได้เห็นว่าจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตผู้คนได้อย่างไรครับ
ผมมีความสุขมากในการหาทางและยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนเด็ก ๆ ที่ยูนิเซฟ และผมก็ได้แรงบันดาลใจจากการทำงานโดยตรงกับพวกเด็ก ๆ รวมทั้งได้เห็นทั้งพัฒนาการและความกระตือรือร้นของพวกเขาในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม ผมมักจะหาทางสร้างความร่วมมือและเครือข่ายใหม่ๆ และตามเทคโนโลยีการพัฒนาใหม่ ๆ เพื่อให้เข้าใจว่าเด็กและเยาวชนกำลังเจออะไรและสนใจเรื่องใดอยู่
เมื่อห้าปีก่อน ผมได้ร่วมจัดตั้งศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิเด็ก เยาวชน และสถาบันครอบครัวประจำภูมิภาคทั่วประเทศ ร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด งานของเราเริ่มจากการปรับปรุงคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงานอัยการ และพัฒนาต่อเป็นการอบรมพนักงานอัยการเรื่องการคุ้มครองเด็ก และเปลี่ยนโครงสร้างศูนย์ภูมิภาค ตอนนี้ งานของเราก็ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ว่าศูนย์ก้าวไปไกลแล้วในการให้ความช่วยเหลือเด็กให้เข้าถึงบริการคุ้มครองเด็กในระบบยุติธรรม
รสา ปัตติเกษมกุล ผู้ประสานงานโครงการผู้นำอาสาฉันคือยูนิเซฟ

เข้าใจเลยว่าเด็ก ๆ รู้สึกยังไงกับปัญหาที่เด็ก ๆ ต้องเจอ แม้ว่าส่วนตัวจะได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศในระดับมหาวิทยาลัย แต่ก็โตในจังหวัดที่คนดื่มน้ำจากน้ำฝน นี่เคยต้องเดินผ่านทุ่งนาทุกวันเพื่อไปโรงเรียนในหมู่บ้าน การที่ได้อยู่ในโลกที่แตกต่างทั้งสองทำให้เข้าใจว่าช่องว่างมันกว้างแค่ไหน พอมีโอกาสที่จะทำให้ช่องว่างนี้แคบลงก็จะรีบคว้าเอาไว้ และไม่สามารถอยู่เฉยได้ค่ะ
ตอนนี้ทำงานร่วมกับผู้สนับสนุนของยูนิเซฟเพื่อสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี คนมาเข้าหาเราด้วยหัวใจที่ดีและมุ่งมั่นแรงกล้าที่จะให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสที่ดีขึ้น และได้บรรลุศักยภาพของพวกเขา แต่อาจไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มที่ไหน จึงถือเป็นสิทธิพิเศษที่ได้เป็นคนช่วยคนเหล่านั้น สนับสนุนพวกเขาในเส้นทางที่เลือก และให้พวกเขาได้มีทักษะและอุปกรณ์ที่ถูกต้อง
เป็นคนดูแลโครงการผู้นำอาสาสมัคร ฉันคือยูนิเซฟ ค่ะ ตอนช่วงแรกที่เริ่มมีผลกระทบจากโควิด-19 เราก็รีบเปลี่ยนจุดหลักของโครงการพัฒนาชุมชนทันที โดยผู้นำอาสาสมัคร 4 คนได้ให้ข้อมูลที่สำคัญเรื่องการคุ้มครองและป้องกันพ่อแม่ ผู้ดูแล และกำจัดความสับสนเรื่องไวรัสโควิด-19 ในชุมชน ด้วยความพยายามอย่างหนักและตั้งใจจริง ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ท้าทายสำหรับครอบครัวในประเทศไทย จึงรู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของอาสาสมัครเหล่านี้
กิ่งกนก ลักษณะสัมฤทธิ์ ตัวแทนระดมทุนองค์การยูนิเซฟ

หนูอยากให้เด็กด้อยโอกาสทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ เพราะว่าก็ต้องดิ้นรนกับปัญหาเรื่องความลำบากและไม่มีโอกาสมาเหมือนกัน
หนูบอกกับคนที่จะบริจาคถึงการทำงานของยูนิเซฟเพื่อเด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและทั่วโลก แล้วก็เพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์เรื่องการศึกษาของเด็ก ๆ และการทำงานของยูนิเซฟที่สนับสนุนโรงเรียนชาวเขาและรถห้องสมุดเคลื่อนที่ในโรงเรียนที่ห่างไกล หนูก็เลยไปลงพื้นที่ที่โรงเรียนในแม่ฮ่องสอนแล้วก็ใช้เวลาอยู่กับน้องนักเรียน หนูตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ที่ได้รับไปเป็นกระบอกเสียงให้เด็ก ๆ ที่เปราะบางในการทำงานของหนูค่ะ
ตอนที่ไปลงพื้นที่ เด็ก ๆ ก็พาหนูดูโรงเรียน น้องๆ บอกหนูว่าอยากเป็นหมอกับครูเมื่อโตขึ้น และวิชาที่ชอบคือภาษาไทย หนูชอบประกายในแววตาน้อง ๆ มาก และก็รู้ได้เลยว่าน้อง ๆ ดีใจมากที่ได้เรียนหนังสือ น้องๆ ยังชอบอ่าน และตั้งใจดูคำและรูปภาพในหนังสือมาก ๆ หนูยังจำความน่ารักของสองสาวพี่น้องตอนที่คนน้องตื่นเต้นเอาหนังสือจากรถห้องสมุดเคลื่อนที่ของยูนิเซฟไปให้พี่สาวอ่านให้ฟังได้อยู่เลยค่ะ
ติดตามข่าวสารจากองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย
ไม่พลาดทุกการอัปเดต สมัครรับข่าวสารทางอีเมลกับเรา