มองย้อนหลังกับเรื่องราวของปี 2563
ในปีที่ไม่เหมือนเคยนี้ คุณมียูนิเซฟอยู่เคียงข้าง

- พร้อมใช้งานใน:
- English
- ไทย
ในขณะที่โรคโควิด-19 โหมระบาด และสังคมปั่นป่วน ยูนิเซฟอยู่เคียงข้างทุกคน เราทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อช่วยเหลือ ปกป้อง และทำให้ชีวิตของเด็กและครอบครัวที่เปราะบางในประเทศไทยและทั่วโลกดีขึ้น ถึงแม้จะมีความท้าทายที่คาดไม่ถึงหลายอย่างเกิดขึ้น ปีนี้ก็เป็นปีที่เกิดความก้าวหน้าเรื่องสิทธิเด็กในหลาย ๆ เรื่อง มามองย้อนถึงภารกิจของยูนิเซฟ และพันธมิตรในปีที่ผ่านมาด้วยกัน ซึ่งงานของเราทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่มีผู้สนับสนุนและเหล่าอาสาสมัครที่ร่วมทางพร้อมกับเรามาตลอดปีนี้
รับมือกับโควิด-19
โรคระบาดครั้งนี้ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์หลายอย่าง ทั้งทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมที่มีอยู่แย่ลงไปอีก ในปีที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียทั้งชีวิต และสภาพความเป็นอยู่ การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่เดือดร้อนจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่ผ่านมา
ยูนิเซฟได้ดำเนินการมอบอุปกรณ์จำเป็นเพื่อ ช่วยเหลือเด็กและครอบครัว ตามโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์การเรียนรู้เด็กข้ามชาติ และตามท้องถนน ร่วมกับภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย ยูเอสเอด (USAID) ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย มูลนิธิรักษ์ไทย มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ และองค์การเฟรนด์ ประเทศไทย พร้อมทั้ง ผู้นำเยาวชนข้ามชาติ โดยได้แจกจ่าย สบู่ ผลิตภัณฑ์ล้างมือฆ่าเชื้อ และปรอทดิจิตอลวัดไข้ น้ำยาตรวจโรค รวมทั้ง สื่อข้อมูลเรื่องอนามัยและสุขภาพ ในภาษาพม่า เขมร และลาว เพื่อช่วยชุมชนที่เปราะบางให้รับมือกับการใช้ชีวิตวิถีใหม่

เราให้ความรู้แก่เด็กๆ และครอบครัวในเรื่อง วิธีทำป้องกันตัวเองจากโรค การเรียนหนังสือที่บ้าน ทำกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน ดูแลตัวเองด้านสุขภาพจิต ในช่วงล็อกดาวน์และช่วงโรงเรียนปิดผ่านหนังสือนิทานฮีโร่ของฉันคือเธอ สมุดภาพกิจกรรมจากภาพวาดจากอาสาสมัคร และแคมเปญทางโซเชียลมีเดีย เช่น iStayHomeToo, iWish, เรียนรู้ที่บ้าน, โรงเรียนปลอดภัยห่างไกลโควิด และ ตื่นตัวไม่ตื่นกลัว
เราแนะแนวทางให้เด็ก ครอบครัว และครู เรื่องการเตรียมพร้อมกลับเข้าเรียน อย่างปลอดภัยผ่านคู่มือกิจกรรมการเรียนรู้ และแนวทางเพื่อความปลอดภัย โดยร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งเด็กๆ ต่างก็กระตือรือร้นเพื่อเตรียมการเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน ไปพร้อม ๆ กับการปรับตัวเข้าเรียนในปีการศึกษาที่ไม่เหมือนเคย

เราได้รวบรวมเสียงของเยาวชนเพื่อทำความเข้าใจถึงความท้าทายเร่งด่วนของพวกเขา และศึกษาเรื่องผลกระทบจากโรคระบาด เพื่อนำข้อมูลไปช่วยออกแบบนโยบายเรื่องโควิด-19 ซึ่งการประเมินแบบเร่งด่วนร่วมกับ Oxford Policy Management และมหาวิทยาลัยมหิดล ช่วยให้เราเข้าใจถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากโรคโควิด-19 และผลกระทบที่มีต่อเด็กที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เราทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับสวัสดิการความคุ้มครองทางสังคม เพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่เปราะบางที่สุดไม่ให้ต้องตกถลำดำดิ่งสู่งภาวะยากจนยิ่งขึ้นไปอีก และเพื่อให้พวกเขาฟื้นตัวกลับมาได้ และมีความพร้อมในการรับมือวิกฤตอื่นในอนาคต โดยมีเด็กจากครอบครัวที่ยากจนมากกว่า 1.4 ล้านคนได้รับเงินเยียวยาฉุกเฉินเพิ่มเติมจากโครงการเงินอุดหนุนเด็กเล็กเป็นระยะเวลา 3 เดือน
เราได้ระดมทุนเพื่อสนับสนุนเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดผ่านเทศกาลดนตรีการกุศลออนไลน์ครั้งแรก เลิฟ เดลิเวอรี่ เฟส ทางช่องยูทูปเวิร์คพอยท์ โดยมีศิลปินคนดัง 26 คน ร่วมกันระดมทุนได้ประมาณ 125,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.75 ล้านบาท)
ภารกิจต่อเนื่องเพื่อชีวิตเด็กที่ดีขึ้น
โรคระบาดครั้งนี้เป็นอุปสรรคครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่ทำให้เรายอมแพ้ต่อการทำงานเพื่อสิทธิเด็ก เราปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ครั้งนี้ โดยปรับเข้าสู่โหมดออนไลน์ในช่วงล็อกดาวน์ และเพิ่มฐานพลังอาสาสมัคร
เราได้เปิดตัวพอดแคสต์ และอัลบั้มเพลงพิเศษ กับแคมเปญ The Sound Of Happiness ฟัง x เล่า = ความสุข ร่วมกับกรมสุขภาพจิต และจูกซ์ ประเทศไทย เพื่อให้บทสนทนาเรื่องสุขภาพจิตกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กและเยาวชน โดยมีศิลปินต่างๆ เช่น เป๊ก ผลิตโชค แบมแบม ไบรท์วิน และมิลลิ พร้อมทั้งเยาวชนนักกิจกรรมที่มาร่วมเปิดใจถึงประสบการณ์ปัญหาทางสุขภาพจิต ภาวะไร้รัฐ ความพิการ เพศสภาพ และการเข้าหาความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต
เราได้รวมพลังเยาวชน 466 คนมาระดมสมองประลองไอเดียหาทางออกเพื่อการศึกษาและโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้นสำหรับเยาวชนร่วมรุ่น ผ่านงานประกวด Generation Unlimited Youth: เยาวชนกล้าคิด สะกิด สังคม ร่วมกับยูเอ็นดีพี ประเทศไทย และมูลนิธิโรงเรียนวันเสาร์ โดยปีนี้เป็นปีที่สองแล้ว ที่ได้ผู้ชนะระดับโลกเป็นทีมจากประเทศไทย ทั้งนี้เยาวชนนักคิดจากชายแดนภาคใต้ ผู้ชนะการประกวด จะนำทุนรางวัลจำนวน 15,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 470,000 บาท) และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ไปสานไอเดียให้เป็นจริง

เราร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย (MICS) ครั้งที่ 6 ซึ่งถือเป็นการสำรวจระดับประเทศที่ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างประชากรเด็กและสตรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผลสำรวจแสดงถึงความก้าวหน้าในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงอัตราการมีบุตรของวัยรุ่นและการลงโทษเด็กด้วยวิธีรุนแรงที่บ้าน แต่ในก็พบแนวโน้มที่น่ากังวลด้านภาวะโภชนาการของเด็ก และอัตราการเข้าเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา
เราเรียกร้องให้คุ้มครองเด็กและเยาวชน ทั้งความปลอดภัยในโรงเรียน รวมถึงในสถานการณ์ชุมนุมประท้วง ผู้แทนของเราในขณะนั้นได้ตอบคำถามถึงสิทธิเด็กในการแสดงความคิดเห็นโดยสันติ และจุดยืนของยูนิเซฟในการคุ้มครองสิทธิเด็กโดยไม่เป็นฝักฝ่ายทางการเมือง
เราระดมและฝึกผู้นำอาสา ที่ปรึกษาเยาวชน นักวาดการ์ตูน นักออกแบบกราฟฟิก และมืออาชีพด้านอื่นๆ ผ่านโครงการอาสาสมัคร I Am UNICEF เพื่อให้รับมือกับโควิด-19 ในชุมชนของตนเองและที่อื่นๆ โดยมีอาสาสมัครจำนวนประมาณ 2,000 คนร่วมกันทำให้ข้อมูลเรื่องโควิด-19 เข้าถึงได้ และน่าสนใจสำหรับเด็กๆ และครอบครัว ผ่านการออกแบบภาพระบายสี และแจกจ่ายสมุดภาพกิจกรรมเหล่านี้ไปกว่า 30,000 เล่ม นอกจากนี้เหล่าอาสายังมีบทบาทในการช่วยเหลือสนับสนุนการเรียนรู้ทางออนไลน์อีกด้วย
เราส่งเสริมการอ่านให้แก่เด็ก ๆ โดยในปีนี้หัวข้อการอ่านจะเป็นเรื่องสุขอนามัย ที่มากับธีม Reading Saves Lives ในแคมเปญเด็กทุกคนอ่านได้ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยูเอสเอด เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ และท็อปส์ ทั้งนี้ เด็ก ๆ ในกว่า 60 โรงเรียน ได้เรียนรู้เรื่องการล้างมือ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางกายภาพ และการรับมือกับความเครียดผ่านแคมเปญนี้ อีกทั้งครูก็ได้เรียนรู้วิธีการบูรณาการการอ่านให้เข้ากับการป้องกันตนเองจากโควิด-19 ในห้องเรียนด้วย
ในฐานะที่เป็นองค์การด้านมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยูนิเซฟพร้อมด้วยภาคีพันธมิตรและอาสาสมัครจะยังคงมุ่งมั่นทำงานต่อสู้เพื่อให้เด็กทุกคนมีชีวิตรอด และเติบโตก้าวหน้า ทั้งในปีนี้และปีต่อๆ ไปอย่างไม่สิ้นสุด